Soil Tester 4 ใน 1
เครื่องวัดดินจากUSA❤️พีเอชมิเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ในเมืองไทย
❤️ใช้งานสุดคุ้ม ตัวเดียวได้ถึง 4 ฟังก์ชั่น ครบทุกการใช้งานใน1ตัว
👉วัดพีเอช
👉วัดค่าความสมบูรณ์ของดิน
👉วัดความชื้น
👉วัดปริมาณแสง
🎈ใช้งานง่ายแค่โยกสวิทช์ ไปมาแล้วอ่านค่า
🎈ไม่ต้องใส่ถ่านให้ยุ่งยาก
📲ราคา 2500 บาทรวมส่งเก็บเงินปลายทาง
📲เพียงแจ้งชื่อที่อยู่เบอร์โทร เท่านั้น
🎈สินค้าผลิตในประเทศจีนมาตรฐานUSA(สินค้านำเข้าจากUSA)
📲โทร 0809898770 📲ไลน์ kittiyaporn1993
❤️รายละเอียดเพิ่มเติมที่เวปเลยครับ ผมลงไว้ละเอียดมาก
❤️ http://thaidoo-express.blogspot.com/…/…/soil-tester-usa.html
👉ตัวอย่างการใช้งาน
❤️ https://www.youtube.com/watch?v=MosAWiPgxq8&t=16s
❤️ https://www.youtube.com/watch?v=J-MLcMFYiso&t=1s
ควบคุมมาตรฐาน อเมริกา
(ผลิตในจีน)
ราคา 2500 บาท
รวมส่ง เก็บเงินปลายทาง
แค่แจ้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทร ให้ถูกต้อง
ราคา 2500 บาท
รวมส่ง เก็บเงินปลายทาง
แค่แจ้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทร ให้ถูกต้อง
.เรียกว่า ครบเครื่องเรื่อดิน กันในตัวเดียวเลย
.
ไม่ต้องใช้ถ่าน ไม่ยุ่งยากด้านการใช้งาน
แค่โยก สวิช ไปให้ถูกคำแหน่ง ว่าจะวัดค่าอะไร
.
หน้าบล็อกมีช่องแชท
ทางไลน์ kittiyaporn1993
เฟสบุก เฟส แจ่ม อารมณ์ดี
SMS 0918712395
เบอร์โทรติดต่อครับ
0809898770 ลูกสาว
ตัวนี้จำเป็นต้องข้ามทวิป มาจากอเมริกา ถึงแม้จะผลิตในจีนก็ตาม
เรียกได้วาตัวเดียว เอาอยู่ทั้งสวน
.
เพราะวัดได้ทั้งค่าพีเอชหรือกรดด่าง ในดิน
วัดได้ทั้งค่าปุ๋ยในดิน
วัดความชื้นในดิน
วัดแสงสว่าง
เรียกว่าครบทุกปัจจัย สำหรับการปลูกพืชกันเลยที่เดียว
................
ค้าพีเอช ในดินถ้าจะเหมารวมๆทุกพืช ควรจะวัดได้ระหว่าง 5.5-7 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
แต่ถ้าจะเจาะจงลงไปเลย ก็ต้องถามว่าคุณปลูก อะไร เพราะพืชแต่ละชนิด ชอบสภาพดินไม่เหมือนกันแต่ไกล้เคียงกันมากเท่านั้นเอง ถ้าวัดแล้วดินเป็นกรด แก้ด้วยการเติมปูนขาวลงไป ถ้าวัดแล้วดินเป็นด่าง ก็เติมซากพืชเศษหญ้าลงไปเยอะๆ เพื่อช่วยในการดูดซับด้วยระบบทางนิเวทวิทยา
.
ค่าอาหาร ค่าความสมบูรณ์ของดิน ก็เช่นกัน ถ้าวัดได้น้อย ก็เอาปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมด ซากพืช ฮิวมัส(ตัวนี้ช่วยได้เยอะ) ใส่เติมลงไปที่ทรงพุ่มของต้นไม้ ควรจะต้องวัดได้ที่ระดับกลางๆ ของเสกล..แต่ถ้าขี้นไปสุดเกย์..ให้สัญนิฐานว่า ตรงนั้นมีปัญหาเรื่องดินเค็ม สังเกตุว่าต้นไม้แถวนั้น หญ้ายังไม่ค่อยขึ้น พืชใบเหลืองๆ ไม่โต แคระแกรน หรือปลูกอะไรก็ตาย แก้ใขด้วยการเติม อินทรีย์วัตุเยอะๆ สูบน้ำท่วมแปลง ทิ้งไว้นานๆ ทำสำคัญคือต้องแก้ด้วยการปลูกหญ้าที่มีรากลึกๆ หรือถมด้วยหญ้า ในปริมาณที่มากและพลิกดินในระดับที่ลึกมากๆ เพื่อเอาหญ้าลงใปในดินให้ลึกที่สุด
.
ความชื้นในดิน ค่าที่วัดได้ โดยรวมควรไม่ต่ำกว่า 25%...แต่จะสูงเท่าไร ต้องดูที่พืชที่ปลูก ว่าเป็นพืชชนิดใด้.....อย่างมะเขือ พริก นี่ วัดได้ที่ระดับ 1-2 ก็พอ เพราะเป็นพืชที่ไม่ชอบแฉะ กล้วย อาจจะ2-3 เพราะเป็นต้นไม้ ที่ต้องการความชื้นระดับสูง หรือพืชผัก อวบน้ำ อาจต้องวัดใด้ถึง 3-4 อะไรประมาณนี้....เพราะฉนั้น จึงไม่มีค่ามาตรฐาย ตายตัว ว่าควรจะวัดได้เท่าไร อยู่ที่ว่าคุณปลูกพืชอะไร เขาชอบแบบไหน แล้วเราจึงให้น้ำ ตามปริมาณที่เขาต้องการ...........ถ้าไว่วัน เราปลูกมาเขีอ แล้วให้น้ำระดับ 3-4 มันก็โคนเน่า ตายหมด...นั่นคือความจำเป็นว่าทำไม ต้องวัดความชื้น สำหรับการปลูกพืช
.
การวัดแสงสว่างก็เช่นกัน มันไม่มีค่าตายตัว ว่าควรวัดได้เท่าไร ปัจจัยคือ คุณปลูกอะไร เขาต้องการเท่าไร ในแต่ละวัน วันละกี่ชั่วโมง นั่นคือต้องหาข้อมูลของพืชชนิดนั้นเสียก่อน..ผลไม้บางชนิด จึงไม่ออกลูกสักที ถ้าเอาไปปลูกที่รำไร ก็ได้แต่ใบ ไม่ได้ผล นั่นเพราะปริมาณแสงส่วาง มันไม่เพียงพอนั่นเอง
.
ก็คงพอเข้าใจ ถึงความจะเป็น ในการวัดค่าต่างๆของดิน น้ำ อากาศกันบ้าง ที่นีก็ต้องเหลียวกลับมามองดินของเราแล้วว่า สาเหตุที่ต้นไม้เราไม่งาน ผลผลิตไม่ดกเหมือนคนอื่น เพราะ ดินเราขาดอะไรไป น้ำเราเป็นยังไง ให้มากไป น้อยไป ยังไง เราก็แต่ปรับปรุงไปตามที่พืชนั้นๆ ต้องการให้มันถูกต้อง เท่านั้นเอง
.
แค่รู้จักดินของเรา ทำตามรู้จักต้นไม้ของเรา เท่านั้นเอง ก็จะประสบความสำเร็จ ในการทำเกษตรกับเขาบ้างแล้ว..เอ้า..ลงมือซะ
.
.ราคา 1200 บาทรวมส่งเก็บเงินปลายทาง
แค่แจ้งชื่อที่อยู่เบอร์โทร ได้ทุกช่องทางการสื่อสาร
มาที่ โทร+ไลน์ 0809898770
เฟส..แจ่ม อารมณ์ดี
⏹ดินมีปริมาณสารอาหารเพียงพอ เหมาะสม
ค่าสารอาหารในดินโดยเฉลี่ย
ค่าไนโตรเจน (N) 50 - 200 ppm
ค่าฟอสฟอรัส (P) 4 - 14 ppm
ค่าโพแทสเซียม (K) 50 - 200 ppm
รวมถึงธาตอาหารรองและจุลธาตุที่หาได้จากฮิวมัส- อมิโน-และอินทรีย์วัตถุต่างๆ
.
⏹ส่วนเรื่องโรค ถ้าพืชแข็งแรงเพราะเราดูแลดี เขาจะมีภูมิคุ้นกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ให้เน้นไปที่การป้องกัน ซึ่งถือว่า ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับการซื้อยามานั่งรักษา
.
⏹คุมเชื้อราให้อยู่(ไตรโคเดอมา่)ฆ่าใข่ฆ่าหนอนในดิน(บิวเวอร์เรียและเมทาไรเซี่ยม) ยังมีพวก BT อีก ก็หามาใส่ๆ ฉีดพ่น ในสวนเป็นประจำ อย่าให้ขาด เรียกว่าทำต่าวรางกันล่วงหน่าไว้เลย
.
ถ้าทำได้ครบขนาดนี้ (เรื่องมันง่ายๆนะ) ยังไงมันก็โต เพราะมันครอบคลุม ปัจจัยทั้งหมดแล้ว
.
⏹โปรแทสเซื่ยมฮิวเมส..ตือตัวปลดปล่อยธาตอาหารในดิน ตรงนี้คือเหตุผลหลักในการนำมาใช้กัีบพืชผล ทุกชนิด แต่ยังมีคุณสมบัติอีกนับร้อย ที่สำคุณทางการเกษตร
เรียกได้วาตัวเดียว เอาอยู่ทั้งสวน
.
เพราะวัดได้ทั้งค่าพีเอชหรือกรดด่าง ในดิน
วัดได้ทั้งค่าปุ๋ยในดิน
วัดความชื้นในดิน
วัดแสงสว่าง
เรียกว่าครบทุกปัจจัย สำหรับการปลูกพืชกันเลยที่เดียว
................
ค้าพีเอช ในดินถ้าจะเหมารวมๆทุกพืช ควรจะวัดได้ระหว่าง 5.5-7 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
แต่ถ้าจะเจาะจงลงไปเลย ก็ต้องถามว่าคุณปลูก อะไร เพราะพืชแต่ละชนิด ชอบสภาพดินไม่เหมือนกันแต่ไกล้เคียงกันมากเท่านั้นเอง ถ้าวัดแล้วดินเป็นกรด แก้ด้วยการเติมปูนขาวลงไป ถ้าวัดแล้วดินเป็นด่าง ก็เติมซากพืชเศษหญ้าลงไปเยอะๆ เพื่อช่วยในการดูดซับด้วยระบบทางนิเวทวิทยา
.
ค่าอาหาร ค่าความสมบูรณ์ของดิน ก็เช่นกัน ถ้าวัดได้น้อย ก็เอาปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมด ซากพืช ฮิวมัส(ตัวนี้ช่วยได้เยอะ) ใส่เติมลงไปที่ทรงพุ่มของต้นไม้ ควรจะต้องวัดได้ที่ระดับกลางๆ ของเสกล..แต่ถ้าขี้นไปสุดเกย์..ให้สัญนิฐานว่า ตรงนั้นมีปัญหาเรื่องดินเค็ม สังเกตุว่าต้นไม้แถวนั้น หญ้ายังไม่ค่อยขึ้น พืชใบเหลืองๆ ไม่โต แคระแกรน หรือปลูกอะไรก็ตาย แก้ใขด้วยการเติม อินทรีย์วัตุเยอะๆ สูบน้ำท่วมแปลง ทิ้งไว้นานๆ ทำสำคัญคือต้องแก้ด้วยการปลูกหญ้าที่มีรากลึกๆ หรือถมด้วยหญ้า ในปริมาณที่มากและพลิกดินในระดับที่ลึกมากๆ เพื่อเอาหญ้าลงใปในดินให้ลึกที่สุด
.
ความชื้นในดิน ค่าที่วัดได้ โดยรวมควรไม่ต่ำกว่า 25%...แต่จะสูงเท่าไร ต้องดูที่พืชที่ปลูก ว่าเป็นพืชชนิดใด้.....อย่างมะเขือ พริก นี่ วัดได้ที่ระดับ 1-2 ก็พอ เพราะเป็นพืชที่ไม่ชอบแฉะ กล้วย อาจจะ2-3 เพราะเป็นต้นไม้ ที่ต้องการความชื้นระดับสูง หรือพืชผัก อวบน้ำ อาจต้องวัดใด้ถึง 3-4 อะไรประมาณนี้....เพราะฉนั้น จึงไม่มีค่ามาตรฐาย ตายตัว ว่าควรจะวัดได้เท่าไร อยู่ที่ว่าคุณปลูกพืชอะไร เขาชอบแบบไหน แล้วเราจึงให้น้ำ ตามปริมาณที่เขาต้องการ...........ถ้าไว่วัน เราปลูกมาเขีอ แล้วให้น้ำระดับ 3-4 มันก็โคนเน่า ตายหมด...นั่นคือความจำเป็นว่าทำไม ต้องวัดความชื้น สำหรับการปลูกพืช
.
การวัดแสงสว่างก็เช่นกัน มันไม่มีค่าตายตัว ว่าควรวัดได้เท่าไร ปัจจัยคือ คุณปลูกอะไร เขาต้องการเท่าไร ในแต่ละวัน วันละกี่ชั่วโมง นั่นคือต้องหาข้อมูลของพืชชนิดนั้นเสียก่อน..ผลไม้บางชนิด จึงไม่ออกลูกสักที ถ้าเอาไปปลูกที่รำไร ก็ได้แต่ใบ ไม่ได้ผล นั่นเพราะปริมาณแสงส่วาง มันไม่เพียงพอนั่นเอง
.
ก็คงพอเข้าใจ ถึงความจะเป็น ในการวัดค่าต่างๆของดิน น้ำ อากาศกันบ้าง ที่นีก็ต้องเหลียวกลับมามองดินของเราแล้วว่า สาเหตุที่ต้นไม้เราไม่งาน ผลผลิตไม่ดกเหมือนคนอื่น เพราะ ดินเราขาดอะไรไป น้ำเราเป็นยังไง ให้มากไป น้อยไป ยังไง เราก็แต่ปรับปรุงไปตามที่พืชนั้นๆ ต้องการให้มันถูกต้อง เท่านั้นเอง
.
แค่รู้จักดินของเรา ทำตามรู้จักต้นไม้ของเรา เท่านั้นเอง ก็จะประสบความสำเร็จ ในการทำเกษตรกับเขาบ้างแล้ว..เอ้า..ลงมือซะ
.
.ราคา 1200 บาทรวมส่งเก็บเงินปลายทาง
แค่แจ้งชื่อที่อยู่เบอร์โทร ได้ทุกช่องทางการสื่อสาร
มาที่ โทร+ไลน์ 0809898770
เฟส..แจ่ม อารมณ์ดี
⏹ดินมีปริมาณสารอาหารเพียงพอ เหมาะสม
ค่าสารอาหารในดินโดยเฉลี่ย
ค่าไนโตรเจน (N) 50 - 200 ppm
ค่าฟอสฟอรัส (P) 4 - 14 ppm
ค่าโพแทสเซียม (K) 50 - 200 ppm
รวมถึงธาตอาหารรองและจุลธาตุที่หาได้จากฮิวมัส- อมิโน-และอินทรีย์วัตถุต่างๆ
.
⏹ส่วนเรื่องโรค ถ้าพืชแข็งแรงเพราะเราดูแลดี เขาจะมีภูมิคุ้นกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ให้เน้นไปที่การป้องกัน ซึ่งถือว่า ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับการซื้อยามานั่งรักษา
.
⏹คุมเชื้อราให้อยู่(ไตรโคเดอมา่)ฆ่าใข่ฆ่าหนอนในดิน(บิวเวอร์เรียและเมทาไรเซี่ยม) ยังมีพวก BT อีก ก็หามาใส่ๆ ฉีดพ่น ในสวนเป็นประจำ อย่าให้ขาด เรียกว่าทำต่าวรางกันล่วงหน่าไว้เลย
.
ถ้าทำได้ครบขนาดนี้ (เรื่องมันง่ายๆนะ) ยังไงมันก็โต เพราะมันครอบคลุม ปัจจัยทั้งหมดแล้ว
.
⏹โปรแทสเซื่ยมฮิวเมส..ตือตัวปลดปล่อยธาตอาหารในดิน ตรงนี้คือเหตุผลหลักในการนำมาใช้กัีบพืชผล ทุกชนิด แต่ยังมีคุณสมบัติอีกนับร้อย ที่สำคุณทางการเกษตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น