หน้าเว็บ


วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

เครื่องวัดPHน้ำ วัดคลอรีน

เครื่องวัดPHน้ำ วัดคลอรีน

คุณภาพน้ำPH

    วัดคลอรีนในน้ำ
ราคา 1300 บาท

รวมส่งเก็บเงินปลายทาง
แค่แจ่งชื่อที่อยูเบอร์โทร เท่านั้น
0809898770

(ใช้ถ่านAA  1ก้อน)


..................................
การใช้ก็แค่ เอาขามันจุ่มน้ำ แล้วอ่านค่าที่เข็มเท่านั้น
ไม่ต้องปรับอะไร ใช้ง่าย
เพราะที่สวนใช้อยู่ประจำ
ตัวนี้แม่นยำใช้ได้เลย
....................................
อย่ามองข้ามความสำคัญ ของน้ำที่ใช้ในการทำเกษตร
คุณภาพน้ำและดิน สำคัญพอๆกัน


















วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561

พีเอชมิเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ในเมืองไทย

 Soil Tester 4 ใน 1

เครื่องวัดดินจากUSA

❤️พีเอชมิเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ในเมืองไทย
❤️ใช้งานสุดคุ้ม ตัวเดียวได้ถึง 4 ฟังก์ชั่น ครบทุกการใช้งานใน1ตัว

👉วัดพีเอช
👉วัดค่าความสมบูรณ์ของดิน
👉วัดความชื้น
👉วัดปริมาณแสง

🎈ใช้งานง่ายแค่โยกสวิทช์ ไปมาแล้วอ่านค่า
🎈ไม่ต้องใส่ถ่านให้ยุ่งยาก

📲ราคา 2500 บาทรวมส่งเก็บเงินปลายทาง
📲เพียงแจ้งชื่อที่อยู่เบอร์โทร เท่านั้น

🎈สินค้าผลิตในประเทศจีนมาตรฐานUSA(สินค้านำเข้าจากUSA)
📲โทร 0809898770 📲ไลน์ kittiyaporn1993

❤️รายละเอียดเพิ่มเติมที่เวปเลยครับ ผมลงไว้ละเอียดมาก
❤️ http://thaidoo-express.blogspot.com/…/…/soil-tester-usa.html

👉ตัวอย่างการใช้งาน
❤️ https://www.youtube.com/watch?v=MosAWiPgxq8&t=16s
❤️ https://www.youtube.com/watch?v=J-MLcMFYiso&t=1s

ควบคุมมาตรฐาน อเมริกา
(ผลิตในจีน)

ราคา 2500 บาท
รวมส่ง เก็บเงินปลายทาง
แค่แจ้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทร ให้ถูกต้อง





.เรียกว่า ครบเครื่องเรื่อดิน กันในตัวเดียวเลย
.
ไม่ต้องใช้ถ่าน ไม่ยุ่งยากด้านการใช้งาน
แค่โยก สวิช ไปให้ถูกคำแหน่ง ว่าจะวัดค่าอะไร


.
หน้าบล็อกมีช่องแชท
ทางไลน์      kittiyaporn1993
เฟสบุก        เฟส แจ่ม อารมณ์ดี
SMS            0918712395

เบอร์โทรติดต่อครับ
0809898770 ลูกสาว

ตัวนี้จำเป็นต้องข้ามทวิป มาจากอเมริกา ถึงแม้จะผลิตในจีนก็ตาม
เรียกได้วาตัวเดียว เอาอยู่ทั้งสวน
.
เพราะวัดได้ทั้งค่าพีเอชหรือกรดด่าง ในดิน
วัดได้ทั้งค่าปุ๋ยในดิน
วัดความชื้นในดิน
วัดแสงสว่าง
เรียกว่าครบทุกปัจจัย สำหรับการปลูกพืชกันเลยที่เดียว
................
ค้าพีเอช ในดินถ้าจะเหมารวมๆทุกพืช ควรจะวัดได้ระหว่าง 5.5-7 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
แต่ถ้าจะเจาะจงลงไปเลย ก็ต้องถามว่าคุณปลูก อะไร เพราะพืชแต่ละชนิด ชอบสภาพดินไม่เหมือนกันแต่ไกล้เคียงกันมากเท่านั้นเอง ถ้าวัดแล้วดินเป็นกรด แก้ด้วยการเติมปูนขาวลงไป ถ้าวัดแล้วดินเป็นด่าง ก็เติมซากพืชเศษหญ้าลงไปเยอะๆ เพื่อช่วยในการดูดซับด้วยระบบทางนิเวทวิทยา
.
ค่าอาหาร ค่าความสมบูรณ์ของดิน ก็เช่นกัน ถ้าวัดได้น้อย ก็เอาปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมด ซากพืช ฮิวมัส(ตัวนี้ช่วยได้เยอะ) ใส่เติมลงไปที่ทรงพุ่มของต้นไม้ ควรจะต้องวัดได้ที่ระดับกลางๆ ของเสกล..แต่ถ้าขี้นไปสุดเกย์..ให้สัญนิฐานว่า ตรงนั้นมีปัญหาเรื่องดินเค็ม สังเกตุว่าต้นไม้แถวนั้น หญ้ายังไม่ค่อยขึ้น พืชใบเหลืองๆ ไม่โต แคระแกรน หรือปลูกอะไรก็ตาย แก้ใขด้วยการเติม อินทรีย์วัตุเยอะๆ สูบน้ำท่วมแปลง ทิ้งไว้นานๆ ทำสำคัญคือต้องแก้ด้วยการปลูกหญ้าที่มีรากลึกๆ หรือถมด้วยหญ้า ในปริมาณที่มากและพลิกดินในระดับที่ลึกมากๆ เพื่อเอาหญ้าลงใปในดินให้ลึกที่สุด
.
ความชื้นในดิน ค่าที่วัดได้ โดยรวมควรไม่ต่ำกว่า 25%...แต่จะสูงเท่าไร ต้องดูที่พืชที่ปลูก ว่าเป็นพืชชนิดใด้.....อย่างมะเขือ พริก นี่ วัดได้ที่ระดับ 1-2 ก็พอ เพราะเป็นพืชที่ไม่ชอบแฉะ กล้วย อาจจะ2-3 เพราะเป็นต้นไม้ ที่ต้องการความชื้นระดับสูง หรือพืชผัก อวบน้ำ อาจต้องวัดใด้ถึง 3-4 อะไรประมาณนี้....เพราะฉนั้น จึงไม่มีค่ามาตรฐาย ตายตัว ว่าควรจะวัดได้เท่าไร อยู่ที่ว่าคุณปลูกพืชอะไร เขาชอบแบบไหน แล้วเราจึงให้น้ำ ตามปริมาณที่เขาต้องการ...........ถ้าไว่วัน เราปลูกมาเขีอ แล้วให้น้ำระดับ 3-4 มันก็โคนเน่า ตายหมด...นั่นคือความจำเป็นว่าทำไม ต้องวัดความชื้น สำหรับการปลูกพืช
.
การวัดแสงสว่างก็เช่นกัน มันไม่มีค่าตายตัว ว่าควรวัดได้เท่าไร ปัจจัยคือ คุณปลูกอะไร เขาต้องการเท่าไร ในแต่ละวัน วันละกี่ชั่วโมง นั่นคือต้องหาข้อมูลของพืชชนิดนั้นเสียก่อน..ผลไม้บางชนิด จึงไม่ออกลูกสักที ถ้าเอาไปปลูกที่รำไร ก็ได้แต่ใบ ไม่ได้ผล นั่นเพราะปริมาณแสงส่วาง มันไม่เพียงพอนั่นเอง
.
ก็คงพอเข้าใจ ถึงความจะเป็น ในการวัดค่าต่างๆของดิน น้ำ อากาศกันบ้าง ที่นีก็ต้องเหลียวกลับมามองดินของเราแล้วว่า สาเหตุที่ต้นไม้เราไม่งาน ผลผลิตไม่ดกเหมือนคนอื่น เพราะ ดินเราขาดอะไรไป น้ำเราเป็นยังไง ให้มากไป น้อยไป ยังไง เราก็แต่ปรับปรุงไปตามที่พืชนั้นๆ ต้องการให้มันถูกต้อง เท่านั้นเอง
.
แค่รู้จักดินของเรา ทำตามรู้จักต้นไม้ของเรา เท่านั้นเอง ก็จะประสบความสำเร็จ ในการทำเกษตรกับเขาบ้างแล้ว..เอ้า..ลงมือซะ

.
.ราคา 1200 บาทรวมส่งเก็บเงินปลายทาง
แค่แจ้งชื่อที่อยู่เบอร์โทร ได้ทุกช่องทางการสื่อสาร
มาที่ โทร+ไลน์ 0809898770
เฟส..แจ่ม อารมณ์ดี

ดินมีปริมาณสารอาหารเพียงพอ เหมาะสม
ค่าสารอาหารในดินโดยเฉลี่ย
ค่าไนโตรเจน (N) 50 - 200 ppm
ค่าฟอสฟอรัส (P) 4 - 14 ppm
ค่าโพแทสเซียม (K) 50 - 200 ppm
รวมถึงธาตอาหารรองและจุลธาตุที่หาได้จากฮิวมัส- อมิโน-และอินทรีย์วัตถุต่างๆ
.
ส่วนเรื่องโรค ถ้าพืชแข็งแรงเพราะเราดูแลดี เขาจะมีภูมิคุ้นกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ให้เน้นไปที่การป้องกัน ซึ่งถือว่า ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับการซื้อยามานั่งรักษา
.
คุมเชื้อราให้อยู่(ไตรโคเดอมา่)ฆ่าใข่ฆ่าหนอนในดิน(บิวเวอร์เรียและเมทาไรเซี่ยม) ยังมีพวก BT อีก ก็หามาใส่ๆ ฉีดพ่น ในสวนเป็นประจำ อย่าให้ขาด เรียกว่าทำต่าวรางกันล่วงหน่าไว้เลย
.
ถ้าทำได้ครบขนาดนี้ (เรื่องมันง่ายๆนะ) ยังไงมันก็โต เพราะมันครอบคลุม ปัจจัยทั้งหมดแล้ว
.
โปรแทสเซื่ยมฮิวเมส..ตือตัวปลดปล่อยธาตอาหารในดิน ตรงนี้คือเหตุผลหลักในการนำมาใช้กัีบพืชผล ทุกชนิด แต่ยังมีคุณสมบัติอีกนับร้อย ที่สำคุณทางการเกษตร
























 

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

RACHA PH METER ราชา พีเอชมิเตอร์

ราชา พีเอชมิเตอร์
ราคา 750 บาทรวมส่งเก็บเงินปลายทาง
0809898770












🔥วัดความเป็นกรดของดิน🔥พีเอชมิเตอร์2in1🔥ยอดขายสูงสุดในประเทศไทย🔥
🔥ราชา พีเอชมิเตอร์2in1🔥
🔥ราคา 750 บาท ส่งฟรี
🔥เก็บเงินปลายทางหรือโอนก่อนก็ได้ ไม่เสียค่าธรรมเนียมแล้ว
🔥รับประกันสินค้า🔥
🔥1 เดือน สำหรับการใช้งานปกติ ไม่แตกหัก
🔥ความเสียหายจากการขนส่งทุกกรณี 7 วันเปลี่ยนตัวใหม่
🔥คุณสมบัติของเครื่อง🔥
🔥ราชา พีเอชมิเตอร์
🔥วัดความเป็นกรดด่างของดิน(ไม่ควรนำไปวัดกับน้ำเพื่อป้องกันขาเครื่องวัดเสียหาย)
🔥ราชา พีเอชมิเตอร์🔥วัดค่าความสมบูรณ์ของดินโดยรวม NPK ว่าเพียงพอสำหรับพืชหรือไม่
🔥การบำรุงรักษา🔥
การทำความสะอาด เมื่อเลิกใช้งาน เอาผ้าสะอาดเช็ดเบาๆ ที่ขาทั้งสาม หรือผ้าที่มีความชิ้นนิดหน่อย ห้ามล้างน้ำด้วยน้ำยาล้างจานหรืออื่นๆ เพียงผ้าสะอาดเช็ดเบาๆเท้านั้น แล้วเก็บในที่แห้ง อย่าให้หล่น เท่านี้อายุการใช้งานก็จะยาวนาน ผมเองใช้มา 3-4 ปีแล้ว แค่เก็บรักษา อย่างระมัดระวังเท่านั้น
🔥ข้อควรระวัง...อย่าเสียบขาของเครื่องวัด ลงในดินที่แข็งจัด ถ้าดินแข็งให้ราดน้ำ แล้วทิ้งไว้สักครู่ เพื่อป้องกันขาของเครื่องวัดเสียหาย
🔥สินค้าผลิตประเทศจีน🔥นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
สวนราชินี 190/2 หมู่ 9 ต.เทพนคร อ เมือง จ กำแพงเพชร 62000
🔥โทร-ไลน์ 0809898770-0918712395
🔥รายละเอียดเพิ่มเติมและวิธีใช้ การอ่านค่า
http://mainboard2012.blogspot.com/2018/04/blog-post.html




































ราชา พีเอชมิเตอร์
ราคา 750 บาท  ส่งฟรี
เก็บเงินปลายทางหรือโอนก่อนก็ได้ ไม่เสียค่าธรรมเนียมแล้ว

รับประกันสินค้า
- 1 เดือน สำหรับการใช้งานปกติ ไม่แตกหัก
- ความเสียหายจากการขนส่งทุกกรณี 7 วันเปลี่ยนตัวใหม่


คุณสมบัติของเครื่อง
วัดความเป็นกรดด่างของดิน(ไม่ควรนำไปวัดกับน้ำเพื่อป้องกันขาเครื่องวัดเสียหาย)
วัดค่าความสมบูรณ์ของดินโดยรวม NPK ว่าเพียงพอสำหรับพืชหรือไม่
..............
การบำรุงรักษา

การทำความสะอาด เมื่อเลิกใช้งาน เอาผ้าสะอาดเช็ดเบาๆ ที่ขาทั้งสาม หรือผ้าที่มีความชิ้นนิดหน่อย ห้ามล้างน้ำด้วยน้ำยาล้างจานหรืออื่นๆ เพียงผ้าสะอาดเช็ดเบาๆเท้านั้น แล้วเก็บในที่แห้ง อย่าให้หล่น เท่านี้อายุการใช้งานก็จะยาวนาน ผมเองใช้มา 3-4 ปีแล้ว แค่เก็บรักษา อย่างระมัดระวังเท่านั้น

ข้อควรระวัง...อย่าเสียบขาของเครื่องวัด ลงในดินที่แข็งจัด ถ้าดินแข็งให้ราดน้ำ แล้วทิ้งไว้สักครู่ เพื่อป้องกันขาของเครื่องวัดเสียหาย


สินค้าผลิตประเทศจีน
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
สวนราชินี 190/2 หมู่ 9 ต.เทพนคร อ เมือง จ กำแพงเพชน 62000
โทร-ไลน์ 0809898770-0918712395






















.................................
การวัดความเป็นกรด-ด่าง pH ของดิน
ค่า pH ของดินที่เหมาะสม  คือ 6 –7 (เกิน 7 ดินเป็นด่าง , ต่ำกว่า 6 ลงมาดินเป็นกรด)
1.  ขุดลึกประมาณ 3 - 5 เซนติเมตร ออกไปก่อน
2.  คลุกดินเพื่อให้ดินร่วน ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร  มีเศษ อิฐ หิน รากไม้ หยิบออกจากดินด้วย
3.  เอาน้ำที่เป็นกลาง หรือน้ำดื่มที่ขายเป็นขวดๆ คลุกกับดินให้เข้ากัน(หรือถ้าง่ายๆ ก็เอาน้ำแถวๆนั้น อย่าตักที่อื่นไกลๆมาเพื่อความเที่ยงตรง)
4. เลื่อสสวิชไปที่วัดค่า pH(ตามรูป)
5. ปักขาวัดลงไปในดิน 2 ใน3 นาน 2 นาที แล้วอ่านค่า จากสเกลแถวบน
6. เลิกใช้งานเลื่อนปรับปุ่มไปที่โหมด OFF
7. ทำความสอาดด้วยผ้าเช็ดเบาๆ เอาเศษดินออกจากขาวัด ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือวัสดุอื่นๆเพื่อความเที่ยงตรงในการวัดครั้งต่อไป

.............................
การวัดค่าความอุดมสมบูรณ์ของดิน Fertility
1.  ขุดลึกประมาณ 3 - 5 เซนติเมตร ออกไปก่อน
2.  คลุกดินเพื่อให้ดินร่วน ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร  มีเศษ อิฐ หิน รากไม้ หยิบออกจากดินด้วย
3.  เอาน้ำที่เป็นกลาง หรือน้ำดื่มที่ขายเป็นขวดๆ คลุกกับดินให้เข้ากัน(หรือถ้าง่ายๆ ก็เอาน้ำแถวๆนั้น อย่าตักที่อื่นไกลๆมาเพื่อความเที่ยงตรง)
4.  เลื่อสสวิชไปที่วัดค่า Fertility
5. ปักขาวัดลงไปในดิน 2 ใน3 นาน 2 นาที แล้วอ่านค่า จากสเกลแถวล่าง
6. เลิกใช้งานเลื่อนปรับปุ่มไปที่โหมด OFF
7.  ทำความสอาดด้วยผ้าเช็ดเบาๆ เอาเศษดินออกจากขาวัด ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดหรือวัสดุอื่นๆเพื่อความเที่ยงตรงในการวัดครั้งต่อไป


.
ความหมายของค่าที่อ่านได้
เข็มชี้ไปที่ Too Little (ด้านซ้าย ดินมีปริมาณสารอาหารไม่เพียงพอ ปริมาณจุลินทรีย์ในการย่อยธาตุอาหารในดินต่ำ
ค่าสารอาหารในดินโดยเฉลี่ย 

  • ค่าไนโตรเจน (N) น้อยกว่า 50 ppm
  • ค่าฟอสฟอรัส (P) น้อยกว่า 4 ppm
  • ค่าโพแทสเซียม (K) น้อยกว่า 50 ppm


.
เข็มชี้ไปที่ Ideal (ตรงกลาง)  ดินมีปริมาณสารอาหารเพียงพอ เหมาะสม
ค่าสารอาหารในดินโดยเฉลี่ย

  • ค่าไนโตรเจน (N) 50 - 200 ppm
  • ค่าฟอสฟอรัส (P) 4 - 14 ppm
  • ค่าโพแทสเซียม (K) 50 - 200 ppm


เข็มชี้ไปที่ Too Much (ด้านขวา)  ดินมีปริมาณสารอาหารมากเกินไปอาจมีปัญหาดินเค็ม จะทำให้ราก หรือใบไหม้ ควรตรวจสอบหรือสังเกตุ อาการของพืชที่ปลูก ใบเหลืองหรือไหม้หรือเปล่า
อาจต้องแก้ปัญหาโดยการรดราดน้ำที่หน้าดินเพิ่ม เพื่อชะล้างละลายปุ๋ยส่วนเกินออกไป
ค่าสารอาหารในดินโดยเฉลี่ย 
  • ค่าไนโตรเจน (N) มากกว่า 200 ppm
  • ค่าฟอสฟอรัส (P) มากกว่า 14 ppm
  • ค่าโพแทสเซียม (K) มากกว่า 200 ppm
.....................
อ่านเถอะ ถ้ารักจะทำเกษตร
คำถามก็มีเข้ามาเกือบทุกวัน
คำตอบ มันก็วนซ้ำมาซ้ำไปเช่นเดิม
.
กล้วยไม่โต กล้วยไม่ใหญ่ ..ทำไง
กล้วยเป็นโรค..แก้ยังไง
.
แต่ก็ไม่มีข้อมูลประกอบคำถาม พอถามกลับไปก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง
.
กล้วยปลูกมา 5-6เดือนยังไม่โตไปไหน มันต้องดูแค่ 3 อย่าง
.
พิเอชก่อน...อินทรีย์วัตถุ..และความชื้นในดิน..ปัจจัยมันมีแค่ 3 ตัวเท่านี้
.
กล้วยและพืชทุกชนิด จะเจริญเติบโตได้ดี พีเอช ต้องอยู๋ระหว่าง 5.5-7.ไม่มีหลุดไปจากนี้ แต่ถ้าจะให้ระบุต้องไปดูว่าเป็นพืช อะไร แต่ค่านี้ รากพืชสามารถดูดซับ สารอาหารในดินส่งไปยังลำต้น ดอก ใบได้ อันนี้ภาาชาวบ้านที่พอเข้าใจได้
.
ถ้าค่าพีเอชที่วัดได้ ต่ำมากกว่านี้ นั่นแสดงว่าดินเป็นกรด รากพืชเอง ก็ไม่สามารถที่จะดูดซับสารอาหารได้ แม้ว่าจะใส่ปุ๋ยเข้าไป มันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสภาพมันไม่เหมาะสม
.
ในทางตรงกันข้าม ดินเป็นกรด กลับปลดปล่อยธาตุโลหะบางชนิดออกมา ถ้ามีปริมาณมาก กลับทำให้พืช ใบเหลือง และตายได้
.
นี่คือสาเหตุที่ดินเป็นกรดพืชไม่โต ใบเหลือง
และ. ในสภาพที่ดินเป็นกรด นั่นคือสภาพที่เหมาะสมที่สุดที่เชื้อรา เชื้อแบตทีเรีย สามารถเจริญเติบโตได้ดีที่สุด..นั่นคือที่มาของโรคพืชต่างๆ มากมาย ไปซื้อยามาฉีด ก็แก้ไปอาทิตย์เดียวก็กลับมาเป็นใหม่ เพราะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ส่วนต้นเหตุคือดินเป็นกรด ยังไม่ได้รับการแก้ใข นั่นเอง
.
อย่างที่สองคือ อินทรีย์วัตถุในดินหรือความอุดมสมบูรณ์ของดิน หรืออาหารในดิน..ที่จะต้องวัด คนเรากินน้ำเปล่าแล้วโตเองไดเ้หรือไม่..พืชก็เช่นกัน เอาแต่รดน้ำ แต่ไม่มีอาหารให้ ยังไงมันก็ไม่โต..พืชกินอาหารผ่านทางรากที่อยู่ในดิน
.
ฉนั้น ในดินต้องมีอาหารสำหรับพืชอย่างเพียงพอตลอดระยะเวลาของการดำรงชีวิตอยู่ของพิช..นั่นคือในดินต้องมีอินทรีย์วัตถุ มีฮิวมัสมีอาหาร ที่มากพอสำหรับพืช...นั่นคือค่าที่สองที่เราต้องวัด ต้องดูแล ในเรื่องของดินที่เราทำการเพาะปลูกพืชทุกชนิด
.
ดินมีปริมาณสารอาหารเพียงพอ เหมาะสม
ค่าสารอาหารในดินโดยเฉลี่ย
ค่าไนโตรเจน (N) 50 - 200 ppm
ค่าฟอสฟอรัส (P) 4 - 14 ppm
ค่าโพแทสเซียม (K) 50 - 200 ppm
รวมถึงธาตอาหารรองและจุลธาตุที่หาได้จากฮิวมัส- อมิโน-และอินทรีย์วัตถุต่างๆ
.
อย่างที่3 คือน้ำ หรือความชื้นในดิน เพราะน้ำคือสื่อ
.
สื่อที่จะเป็นตัวนำพา อาหารต่างๆ ที่รากหาได้เพื่อลำเลียงไปยัง ลำต้น ใบ ดอกและผล ไม่มีน้ำ (ความชื้น)ก็ไม่มีชีวิต
.
ใส่อาหารเข้าไป แต่ไม่ใส่น้ำ ไม่มีน้ำก็ไร้ค่า สูญเปล่า
.
ฉนั้น ความชื้นในดิน ต้องมีอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้กระบวนการส่งอาหาร ขึ้นไปสังเคราะห์แสงเป็นไปอย่างสมบูรณ์...นั่นคือสิ่งที่จะต้องวัด เป็นลำดับที่ 3 สำหรับการปลูกพืช
.
แสงสว่าง คือ ลำดับที่ 4 สำหรับการปลูกพืช โดยเฉพาะ การปลูกแบบผสมผสาน ทำไม่ปลูกมาตั้งนาน ไม่ออกลูก ออกผลสักที
.
คำถามนี้ ต้องดูด้วยว่า มันอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่หรือปล่าว
ปริมาณแสงต่อวันได้รับ อย่างเพียงพอหรือไม่ ถ้าคือว่า ดินดี อาหารพร้อม น้ำเพียบ...ก็อย่ที่ปริมาณแสงต่อวันแล้ว ต้องกลับไปหาข้อมูลว่า พืชหรือต้นไม่้นั้นๆ ต้องการแสงขนาดไหน เท่าไร ต่อวัน ถ้ามันได้น้อยกว่าที่ต้องการ มันก็คงไม่ติดดอก ออกผล ก็จะได้แต่ใบของพืชนั้นๆ แทน
.
ส่วนเรื่องโรค ถ้าพืชแข็งแรงเพราะเราดูแลดี เขาจะมีภูมิคุ้นกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ให้เน้นไปที่การป้องกัน ซึ่งถือว่า ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับการซื้อยามานั่งรักษา
.
คุมเชื้อราให้อยู่(ไตรโคเดอมา่)ฆ่าใข่ฆ่าหนอนในดิน(บิวเวอร์เรียและเมทาไรเซี่ยม) ยังมีพวก BT อีก ก็หามาใส่ๆ ฉีดพ่น ในสวนเป็นประจำ อย่าให้ขาด เรียกว่าทำต่าวรางกันล่วงหน่าไว้เลย
.
ถ้าทำได้ครบขนาดนี้ (เรื่องมันง่ายๆนะ) ยังไงมันก็โต เพราะมันครอบคลุม ปัจจัยทั้งหมดแล้ว
.
โปรแทสเซื่ยมฮิวเมส..ตือตัวปลดปล่อยธาตอาหารในดิน ตรงนี้คือเหตุผลหลักในการนำมาใช้กัีบพืชผล ทุกชนิด แต่ยังมีคุณสมบัติอีกนับร้อย ที่สำคุณทางการเกษตร